
ROMEO AND JULITE
For Bass Trombone
Background
จากประสบการณ์ที่เล่นเครื่องดนตรีทรอมโบนมา ในวัยเด็กนั้นในการฝึกเเรกๆนั้นผู้สอน จะฝึกการเป่าทรอมโบนด้วยการเป่าให้เต็มเสียงยาวๆ
จะเป่าโน้ตสั้นหรือยาวก็จะต้องเป่าให้เต็มค่าของโน้ตนั้น ส่วนใหญ่เพลงที่เล่นในตอนนั้นจะเป็นเพลง สำหรับ วง Machching Pop Jazz หรือ ลูกทุ่ง ซึ่งโน้ตของทรอมโบนส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสียงประสาน มีเปิดโอกาสให้เราSoloบ้าง เเต่ก็อยู่ในพื้นฐานของการเล่นเป็นวง
ส่วนตัวโตมากับการเล่นที่เป็นวงเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้โตมากับการเล่นเพลง ประเภทเพลงเดี่ยว เมื่อเริ่มเข้ามาศึกษาทางด้านดนตรีอย่างจริงจัง
ก็เริ่มเล่นเพลงที่เป็นเพลงบรรเลงเดี่ยวแนวคลาสสิคหลักๆของเครื่องดนตรีทรอมโบน ก็จะมีการเพิ่มเทคนิคต่างๆ
เข้าไปมากขึ้นทั้งการตีความและการออกแบบประโยคของเพลง จะใช้วิธีการเล่นตามทิศทางของโน้ตที่เรียงร้อยกันเป็นประโยค ในการเรียนในเเต่ละครั้ง
ก็มักจะโดนอาจารย์ให้ร้องโน้ตก่อน ที่จะเล่นด้วยเหตุนี้ผมเองเลยได้ผมเลยมีความคิดที่ ว่าถ้าตัวเราเองเป็นนักร้องละ เเต่ก็ยังเป็นนักทรอมโบนอยู่ โดยการ Simulate ว่าเสียงของเครื่องดนตรีทรอมโบนของเรานั้น เป็นเสียงนักร้องลองศึกษาเกี่ยวกับการร้อง เเละการเล่นบนเครื่องดนตรีทรอมโบน

Simulate
การจำลองว่าตัวเองเป็นอีกคนหนึ่งในสถานการ์ณต่างๆ ภายในเกมส์ต่างๆ ซึ่งเราสามารถพบได้มากมายใน เกมส์ออนไลน์ในปัจจุบัน ส่วนตัวมองเห็นในจุดนี้ เลยมีความคิดว่า ถ้าเราจะเอาการ จำลองเครื่องทรอมโบนที่เราเล่นอยู่ในปัจจุบันให้เป็นอย่างอื่นละ เราจะ Simulate ให้เป็นสิ่งใดได้บ้าง
- ส่วนตัวจึงได้ลองศึกษากับ Opera เรื่อง Roméo et Juliette: Acte 1-1 Ah, qu'elle est belle ของ Charles Gounodโดยไ ด้ทดลองฟังกับ Record เเล้วลองเอามาฟังเพื่อหาข้อเปรียบเทียบ กับการเล่นโดยใช้ทรอมโบนเเต่เนื่องจาก หา Record ที่เป็นของเครื่องทรอมโบนไม่ได้จึงได้ ทดลองที่จะเล่นด้วยตัวเอง โดยขอยกมาเพียงส่วนหนึ่งของบทเพลง
หมายเหตุ - เส้นสีฟ้าใช้เเทนทิศทางของการเคลื่อนที่ของของการร้องในบทเพลง
- เส้นสีชมพูเเทนเเทนทิศทางของการเคลื่อนที่ของของการเป่าในบทเพลง




- จากรูปเเสดงให้เห็นได้ว่ามีลักษณะของการเคลื่อนที่ ที่ค่อนข้างหวือหวา ซึ่งเเตกต่างกับ เส้นที่เป็นของเครื่องดนตรีทรอมโบน เเต่โดยส่วนใหญ่นั้นไม่ได้เห็นถึงข้อเเตกต่างกันมากนัก
หลังจากที่ได้ศึกษาคำร้องของนักร้องเพลงคลาสสิคกับการเล่นทรอมโบนส่วนตัวได้ข้อสรุปดังนี้
1. ขึ้นต้นประโยคของประโยคเพลง ทั้งเครื่องเป่า เเละการร้อง การออกเสียงส่วนใหญ่จะออกเสียง
ในบางประเภทมีลักษณะที่คล้ายกันคือออกเสียงไปพร้อมกับลม
2. ในเพลงร้องนั้นคำที่เป็นสระเปิด หรือปิด ในเพลงเเต่โดยปกติของเครื่องเป่านั้นใช้เเค่ริมฝีปากในการควบคุมเสียง เวลามาเล่นโดยใช้Concept การร้อง ก็ควรที่จะใช้ลักษณะของการใช้คำที่เป็นสระเปิดเเละปิด เช่นเดียวกันกับการร้อง
3. ประโยคเเต่ละประโยคในเพลงร้องนั้นค่อนข้างมี cresendo หรือ diminuendo เช่นเดียวกับการบรรเลงของเครื่องดนตรีทรอมโบนในบางบทเพลง
4.เพลงร้องมีการใช้เทคนิคที่เรียกว่า Vibrato ค่อนข้างเยอะมาก ซึ่งคล้ายๆกับบทเพลงที่
เล่นโดยเครื่องดนตรีทรอมโบน โดยลักษณะจะใช้เทคนิคการ Vibrato ในช่วงจังหวะที่มีการเล่น
โน้ตที่ยาว
5.การหยุดประโยคของเสียงร้องโอเปร่านั้นมักจะมีเสียงลงท้ายของของการจบประโยค ซึ่งต่างกับเครื่องดนตรีทรอมโบนที่ไม่ได้มีการใช้เสียงลงท้ายเเต่เป็นในลักษณะของการ
ค่อยๆDiminuend เเล้วค่อยๆหายไป เเต่ทว่าภายหลังเริ่มมีการใช้เทคนิคการเล่นไปพร้อมกับ
การร้องเริ่มเป็นเทคนิคของเครื่องลมทองเหลืองที่นิยมในศตวรรษที่ 20
ทั้งนี้การเข้าใจต่างๆ ทิศทางในการเล่น หรือ เทคนิคต่างๆ ส่วนหนึ่งมาจากตัวผู้เล่นด้วย
ว่าตัวผู้เล่นเองนั้นมีทักษะการถ่ายทอด อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ความเข้าใจ ในบทเพลงของหรือการตีความในบทเพลงจะเเตกต่างกันเเต่ละคนด้วย